ประจำเดือนมาน้อย
ประจำเดือนมาน้อย: ปัญหาสุขภาพผู้หญิงในมุมมองศาสตร์การแพทย์แผนจีน
ในมุมมองการแพทย์แผนจีน ประจำเดือนคือ "กระจกสะท้อนสุขภาพ" หากประจำเดือนมาน้อย หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า "เยว่จิงกั้วเส่า" (月经过少) ไม่ได้หมายถึงแค่ปริมาณเลือดที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระยะเวลาที่สั้นลง (ไม่ถึง 2 วัน) หรือมาเพียงรอยเปื้อน ซึ่งสะท้อนถึงความไม่สมดุลของ "เลือด" และ "ลมปราณ" (พลังงานชีวิต) ภายในร่างกาย
เช็กอาการ: แบบไหนที่เรียกว่าประจำเดือนมาน้อย?
ปกติแล้วประจำเดือนควรมาสม่ำเสมอและมีปริมาณที่พอเหมาะ แต่หากคุณเริ่มมีอาการดังนี้ ควรเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพ:
- ปริมาณเลือดลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปกติ
- มาสั้นมาก ไม่ถึง 2 วันก็หมด
- ลักษณะเลือด: สีอาจจะซีดจาง แดงคล้ำ หรือดำ ตามแต่สาเหตุ
- อาการร่วม: อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ปวดท้องน้อย หรือปวดหลัง
4 รูปแบบความไม่สมดุล สาเหตุที่ประจำเดือนมาน้อย
การแพทย์แผนจีนแบ่งสาเหตุออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มพร่อง (ร่างกายขาดสารบำรุง) และ กลุ่มแกร่ง (มีการอุดกั้น) โดยแบ่งย่อยได้เป็น 4 รูปแบบหลัก ดังนี้:
1. ไตพร่อง (ร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด หรือทำงานหนักเกินไป)
อาการ: เลือดสีคล้ำจาง ปวดเมื่อยเอวและเข่า ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
2. เลือดพร่อง (ระบบย่อยอาหารไม่ดี ทำให้สร้างเลือดได้น้อย)
อาการ: เลือดสีซีดจาง ปริมาณน้อยมาก เวียนศีรษะ ใจสั่น ผิวพรรณไม่สดใส
3. เลือดคั่ง (อารมณ์เครียดหรือความเย็นเข้าแทรก)
อาการ: เลือดสีคล้ำ มีลิ่มเลือด ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง แต่จะดีขึ้นเมื่อเลือดเริ่มไหลออกมา
4. เสมหะความชื้นอุดกั้น (มักพบในคนเจ้าเนื้อหรือทานของหวานมาก)
อาการ: เลือดสีซีดเหนียวข้น แน่นหน้าอก คลื่นไส้ (มักสัมพันธ์กับภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ หรือ PCOS)
อาหารคือยาขนานเอก: กินอย่างไรให้สมดุล?
การปรับอาหารเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและเห็นผลดีในระยะยาว:
- เน้นบำรุงเลือดและลมปราณ: ทานพุทราจีน, เก๋ากี้, ถั่วแดง, ตับหมู และผักใบเขียวเข้ม
- เน้นกระจายความเย็น (ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี): เติมขิง, อบเชย หรือพริกไทยในอาหาร
- สำหรับคนที่มีภาวะเสมหะชื้น: ควรลดนม เนย ของหวานจัด และของทอดมัน
- สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: อาหารและเครื่องดื่มฤทธิ์เย็น (น้ำแข็ง, ไอศกรีม, แตงโม, มะพร้าว) โดยเฉพาะช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือน เพราะความเย็นจะทำให้เลือดหดตัวและไหลเวียนลำบาก
- สำหรับภาวะเลือดพร่อง: สามารถทาน ซุปกระดูก (ต้มเคี่ยวนาน) หรือ ซุปไก่ตุ๋นสมุนไพรจีน (เช่น ตังกุย เก๋ากี้ โสมแดง ในปริมาณพอเหมาะ) เพื่อบำรุงเลือดและสารจิง (Essence)
- สำหรับภาวะไตพร่อง: อาหารสีดำตามทฤษฎี "สีดำเข้าสู่ไต" เช่น ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่, เห็ดหูหนูดำ, งาดำ, เผือก มีประโยชน์ในกรณีนี้
วิธีดูแลตัวเองง่ายๆ
การนวดกดจุดบำบัด (Acupressure)
ลองนวดวนเบาๆ ครั้งละ 1-2 นาที เป็นประจำ (ยกเว้นช่วงที่ประจำเดือนมามากเกินไป):
1. จุดซานอินเจียว: อยู่เหนือตาตุ่มด้านในขึ้นมาประมาณ 4 นิ้วมือ เป็นจุดรวมพลังงานที่ช่วยปรับระบบสืบพันธุ์ผู้หญิงโดยตรง
2. จุดจู๋ซานหลี่: อยู่ใต้สะบ้าหัวเข่าลงมาประมาณ 3 นิ้วมือ ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหารเพื่อสร้างเลือดใหม่
3. จุดชี่ไห่: อยู่ใต้สะดือลงมาประมาณ 1.5 นิ้ว ช่วยเพิ่มพลังงานและทำให้มดลูกอุ่น
การประคบอุ่น (Heat Therapy)
ใช้ถุงน้ำร้อนหรือแผ่นแปะความร้อนประคบบริเวณท้องน้อยวันละ 15-20 นาที ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและลดอาการปวด (เหมาะมากสำหรับคนที่เป็น "เลือดคั่ง" หรือ "เย็นสะสม")
ปรับไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน
- นอนก่อน 23.00 น.: ตามศาสตร์แผนจีน ช่วง 23.00-03.00 น. เป็นเวลาที่ตับจะเก็บกักและฟื้นฟูเลือด การนอนดึกจะทำให้เลือดพร่องได้ง่าย
- ทานมื้อเช้าให้ตรงเวลา: เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้เต็มที่ในการสร้างเลือดบำรุงร่างกาย
- ผ่อนคลายอารมณ์: ความเครียดทำให้ลมปราณติดขัด ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ
ข้อควรระวังสำคัญ:
แม้ตำรับยาจีน (เช่น Ba Zhen Tang หรือ Tao Hong Si Wu Tang) จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ร่างกายแต่ละคนมีความซับซ้อน ไม่ควรซื้อยามาทานเอง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์แผนจีนที่มีใบประกอบวิชาชีพเพื่อวินิจฉัย "รูปแบบความไม่สมดุล" เฉพาะบุคคล และควรตรวจร่างกายกับแพทย์สูตินรีเวชควบคู่ไปด้วย เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์ที่สุด